Logo Background RSS

Road Test – 2009 Kawasaki NINJA 250

  • Written by admin 20 Comments20 Comments Comments
    Last Updated: April 8th, 2010

    สำหรับ Kawasaki NINJA 250 นั้น ผมต้องยกให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ไทย เจ้า Kawasaki NINJA 250 คันนี้อาจจะเป็นต้นแบบการเปลี่ยนแปลงของรถจักรยานยนต์ไทยในยุคต่อไป ในอดีตผมเคยใฝ่ฝันให้ประเทศไทยเราผลิตรถ Big Bike ออกมาขายในราคาที่ใครก็เป็นเจ้าของได้ แต่ก็คงได้แค่ฝัน วันนี้ Kawasaki ปลุกฝันนั้นของผมกลับมาอีกครั้ง และรอคอยที่จะเห็นอนาคตอย่างใจจดใจจ่อ

    Kawasaki NINJA 250 เป็นรถจักรยานยนต์ประเภท Big Bike ได้ครับ ใช้เป็นรถครู ฝึกความสามารถในการคุมรถ Big Bike เพื่อไต่ระดับขึ้นไปเล่น Super Bike ได้ในอนาคต หรือจะใช้เป็นยานพาหนะคู่กายในชีวิตประจำวันเจ้า Kawasaki NINJA 250 ก็เป็นได้อย่างดีทีเดียว เมื่อความฝันอยู่ตรงหน้า ผมจึงต้องคว้าโอกาสไว้ ขอลองซะเลย อิอิ…..

    เรานัด พี่ชาญณรงค์ นิ่มบุญ ผู้จัดการโชว์รูมคาวาซากิพระรามเก้า เวลาประมาณ10.00น. โชว์รูมพระรามเก้านี้จากแยกฟอร์จูนไปทางถนนพระรามเก้า เลยแยก อสมท. ไปนิดหน่อยชิดซ้าย ก็เข้ามาที่ศูนย์แล้วครับระหว่างขับรถเข้ามาก็เห็นพี่ชาญณรงค์กำลังต้อนรับลูกค้าของ Kawasaki อยู่ คนค่อนข้างหนาตาเลยครับวันนี้ ทั้งๆที่เป็นวันธรรมดา เราจอดรถแล้วเดินเข้าไปพบพี่ชาญณรงค์ ซึ่งพี่เค้าก็ทักทายพวกเราด้วยความเป็นกันเอง คำถามแรกที่พี่ชาญณรงค์ถามคือ มาถ่ายรูปลองรถกันล่ะสิ ได้เลยๆ เรานั่งรับลมแอร์เย็นๆในโชว์รูมสวยๆ ที่มีเจ้า Kawasaki NINJA 250 สีแดง ลายใหม่ปี 2010 ในโชว์รูมมีเจ้าม้าเหล็กสวยๆจอดอยู่อีกหลายคัน เช่น Kawasaki NINJA 650R, Kawasaki ER-6n ตัวสุดสวย ซึ่งวันนี้ก็มีลูกค้ามารับรถรุ่นนี้ด้วยครับ

    จากที่ได้เห็นกับตาชัดๆเจ้า Kawasaki NINJA 250 ปี 2009 นี้ มีรายละเอียดของเนื้องานค่อนข้างดี แต่ก็มีอยู่หลายส่วนที่มองแล้วเหมือนอะไหล่ของรถเล็ก 150 cc. สัมผัสแรกที่ลองจับเจ้า Kawasaki NINJA 250 ความรู้สึกคือ หนักเอาเรื่องแฮะ ตูจะขี่ไหวไหมเนี่ย ซึ่งน้ำหนักส่วนใหญ่มาจากโครงรถที่ใหญ่ ดูแข็งแรงดี และเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบเรียง DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 249 cc. ผลิตแรงม้าได้ 33 ตัว ที่ 11000 รอบ/นาที อุปกรณ์ที่ให้มากับรถทั้งเรือนไมล์ จานเบรค ปั้มเบรค รู้สึกว่าดูไม่หวือหวาอะไรออกแนวเรียบๆ แต่ที่สะดุดตา เห็นจะเป็น บั้นท้ายที่สวยงามลงตัวเส้นสายคมกริบ บวกกับถังน้ำมันขนาดใหญ่จุ 17 ลิตร ถ้าใช้เดินทางไป-กลับจากบ้านถึงที่ทำงานในกรุงเทพนี่สงสัย อาทิตย์หนึ่งเติมน้ำมันครั้งเดียวพอ

    Kawasaki NINJA 250 กับความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง 790 มิลลิเมตร ถ้าคนขับสูงไม่เกิน 165 ซม. นี่ถ้าจะเหนื่อยในการขึ้นคร่อมอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าใจรักซะอย่างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะคนซ้อนหลังนี่เวลาขึ้นซ้อนจะอยู่สูงน่ากลัวเหมือนกัน

    การทดลองขับ เราทดสอบอยู่บริเวณใกล้เคียงที่ตั้งของศูนย์ Kawasaki พระราม 9 เท่านั้น ไม่ได้ไปไหนไกลและไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมากนัก เนื่องจากรถบนถนนค่อนข้างเยอะ และเราไปกัน 2 คนซ้อนกันไปคันเดียว แต่เจ้า Kawasaki NINJA 250 ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังแต่ประการใด ความรู้สึกที่เหนือกว่ารถเล็กทุกประการ ทั้งกำลังเครื่องยนต์ที่มาตามสั่งในทุกรอบความเร็ว มาจากแรงบิดสูงสุด 22 นิวตัน-เมตร ที่ 8200 รอบ/นาที ทั้งระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล แต่ทรงพลังในการยึดเกาะถนน ที่ได้มาจากกระบอกโช๊คคู่หน้าขนาดใหญ่ และโช๊คเดี่ยวด้านหลังขนาดใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกของ Big Bike อย่างชัดเจน แต่โช๊คหลังน่าจะหนืดขึ้นอีกนิด รวมถึง Engine Brake ด้วยที่ให้ความรูสึกแบบ Big Bike ได้ดีมากๆ ผมเองยังคิดไม่ถึงเลยครับว่า คาลิปเปอร์เบรกที่ดูเหมือนของรถเล็ก 150 cc. มันจะหยุดยั้งได้ดีเมื่อรวมเข้ากับ Engine Brake การเดินทางไกลที่บนท้องถนนไม่มีรถมากนัก แทบจะไม่ต้องใช้เบรกเลยครับ นี่แหละความรู้สึกแบบ Big Bike

    เราพลัดกันทดลองขับเจ้า Kawasaki NINJA 250 จนเพลิน ตัวเริ่มดำและแสบที่ผิวนิดๆ จึงหาที่หลบแดดและถ่ายรูปกัน เพราะรู้สึกเกรงใจลูกค้าที่อาจจะมารอทดสอบรุ่นนี้เช่นกัน เราจึงจอดถ่ายรูปกันที่บริเวณใต้ทางด่วนบึงพระราม 9 ที่เดียว ไม่ได้ไปแสวงหา Location ถ่ายภาพเพิ่มแต่อย่างใดก่อนเดินทางกลับมาที่ศูนย์ Kawasaki ขากลับรถบนถนนเริ่มมีเยอะขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่พักกลางวันพอดี ทำให้ได้ใช้ความคล่องตัวของเจ้า Kawasaki NINJA 250 อย่างเต็มที่ ซึ่งเจ้า Kawasaki NINJA 250 ก็สอบผ่านได้อย่างสบายแม้จะมีคนซ้อนท้ายก็ตาม ถ้าขับขี่คนเดียวก็ไม่ได้แตกต่างจากรถเล็กมากนัก เพียงแต่ต้องทำความคุ้นเคยกันก่อนเท่านั้น

    เรากลับมาถึงศูนย์ Kawasaki พระราม 9 ประมาณเกือบบ่ายโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ร้อนมาก แต่พอเดินเข้าไปในศูนย์ก็ยังพบกับ พี่ชาญณรงค์ อยู่ในศูนย์ และได้ดื่มน้ำเย็นคลายร้อน จึงเริ่มพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับเจ้า Kawasaki NINJA 250 ในแง่มุมต่างๆโดยเฉพาะ เรื่องของราคาขายในบ้านเราที่แพงกว่าที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้รับคำตอบมาว่าเจ้า Kawasaki NINJA 250 Spec อเมริกานั้นเป็นแบบ คาร์บูเรเตอร์ เพราะรัฐบาลอเมริกาต้องการรถราคาถูกมากกว่า รถที่มี Spec สูงๆ การใช้ระบบ คาร์บูเรเตอร์ ทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้มากพอสมควร เพราะไม่ต้องมีกล่อง ECU ควบคุมระบบหัวฉีด รวมถึงเซ็นเซอร์ต่างๆที่ทำงานสัมพันธ์กับกล่อง ECU ซึ่ง Kawasaki NINJA 250 ที่ขายในเมืองไทยมีเซ็นเซอร์ต่างๆทั้งหมด 8 ตัว ทำให้มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าแบบ คาร์บูเรเตอร์ ที่ขายในอเมริกาอยู่มากพอสมควร

    สรุปโดยรวมแล้วรถจักรยานยนต์ Kawasaki NINJA 250 นั้นมีความคล่องตัวในสภาพการจราจรที่แออัด แต่ก็มีการตอบสนองของเครื่องยนต์แบบรถ Big Bike อยู่เต็มตัว รวมถึงโครงสร้างและระบบช่วงล่างด้วย แต่ทั้งนี้ผมขอฝากถึง Kawasaki อยู่สองถึงสามเรื่องเกี่ยวกับเจ้า Kawasaki NINJA 250 ตัวนี้ เพื่อพัฒนาให้ถึงขีดสุดของรถ Big Bike คันแรกในประวัติศาสตร์ที่ผลิตในเมืองไทย และจะเป็นความภูมิใจของนักเล่น Big Bike ในเมืองไทยต่อไป คือ การเซ็ทอัพช่วงล่างให้เป็นสปอร์ตอย่างแท้จริง การเก็บรายละเอียดในส่วนเว้าของถังน้ำมันให้หลบมือมากกว่านี้ เพื่อความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง รวมถึงเรื่องของราคาขาย ถ้าทาง Kawasaki สามารถหาวิธีลดต้นทุนในการผลิตลงได้อีกและลดราคาขายลงมา จะทำให้ตลาดรถ Big Bike ในประเทศไทยคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ต้องการเจ้า Kawasaki NINJA 250 เพิ่มขึ้นในตลาดอีกมากมาย และตลาดนี้จะพัฒนาไปสู่การครอบครองรถ Super Bike ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

    ท่านที่สนใจจะชมตัวจริงและทดสอบรถ Kawasaki NINJA 250 ติดต่อโดยตรงที่
    Kawasaki Motors Enterprise (Thailand) CO., LTD. พระราม 9 โทร. 02-247-7935-8
    แล้วพบกันใหม่ครับ คราวหน้าอยากลอง Kawasaki ER-6n หรือ Kawasaki NINJA 650 แบบยาวๆบ้างครับ อิอิ……