Logo Background RSS

โตโยต้าเผยโฉมยาริส ใหม่ พร้อมชนแจ๊ซ มาสด้า2 และ เฟียสต้า

  • Written by admin No Comments Comments
    Last Updated: December 14th, 2008

    มาแล้ว “โตโยต้า ยาริส” ใหม่ กับการเผยโฉมรุ่นไมนเนอร์เชนจ์สร้างกระแสในตลาดโลก ที่งาน โบโลญญ่า มอเตอร์โชว์ 2008 ประเทศอิตาลี่ เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ หลังจากแอบนำร่องขายไปก่อนภายใต้ชื่อ “วิตซ์” ในตลาดญี่ปุ่น ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา สอดรับกับแผนส่งลงทำตลาดไทยปีหน้า ซึ่งแน่นอนรูปลักษณ์จะไม่แตกต่างกันมากนัก เพื่อเพิ่มความใหม่สดรับมือกับ “ฮอนด้า แจ๊ซ” ที่ยอดขายทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ รวมถึง 2 คู่แข่งหน้าใหม่ “มาสด้า2” และ “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่จะทยอยเปิดตัวมาชิงเค้ก ในปลายปี 2009 และต้นปี 2010 เป็นต้นไป

    ตลาดรถยนต์ไทยปี 2551 นี้ จะสามารถประครองตัวให้อยู่ในแดนบวกได้ คงต้องยอมรับว่ามาจากตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งเป็นสำคัญ เนื่องจากวิกฤตราคาน้ำมันแพง ทำให้ดีเซลดีดตัวพุ่งเหนือเบนซิน ปิกอัพที่เป็นตลาดหลักของไทยจึงเกิดอาการชะลอตัว และส่งผลถึงพฤติกรรมลูกค้าบางส่วน ได้หันไปนิยมรถเล็กที่ประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะเก๋งกลุ่มซับคอมแพ็กต์ที่มีการเติบโตอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากค่าย “ฮอนด้า” ที่มีเฉพาะรถยนต์นั่งจำหน่าย สามารถทุบสถิติยอดขายตัวเองเป็นว่าเล่น

    ขณะที่ “โตโยต้า” คู่แข่งสำคัญ ภาพรวมมียอดขายตกลง แต่นั่นเป็นผลมาจากปิกอัพ ในส่วนของตลาดเก๋งยังคงไปได้ดี แต่หากเทียบกับฮอนด้าแล้ว มีเพียง “โตโยต้า คัมรี่” เท่านั้นที่กินขาด ส่วนตลาดหลักอย่างซับคอมแพ็กต์ และคอมแพ็กต์คาร์ โดยสถานการณ์นับว่าเสียเปรียบความใหม่สดของ “ฮอนด้า ซิตี้” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หรือ “ฮอนด้า แจ๊ซ” ซึ่งก็เพิ่งถูกส่งลงทำตลาดเมื่อต้นปี 2551 จะมีเพียงแค่ “โตโยต้า โคโรลล่า” ที่สดกว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถน็อครูปลักษณ์ถูกใจลูกค้าของ “ฮอนด้า ซีวิค” ได้

    ดังนั้นตลาดเก๋งปีนี้โดยรวมของโตโยต้า การขยายตัวจึงค่อนข้างเสียเปรียบฮอนด้า โดยเฉพาะ “โตโยต้า ยาริส” ที่เปิดตัวมานาน และยังไม่มีการปรับโฉมเลยสักครั้ง มีเพียงเพิ่มอุปกรณ์หรือสีเท่านั้น จึงไม่แปลกเมื่อคู่แข่ง “ฮอนด้า แจ๊ซ” ที่มีความใหม่สดกว่า และเป็นรถที่มีลักษณะการใช้งานครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า เมื่อบวกกับปัจจัยทางสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงทำให้ยาริสจากเดิมยอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 คัน ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 800 คันเท่านั้น

    แน่นอนการที่จะสามารถสู่กับความสดของแจ๊ซได้ โตโยต้าจะต้องมีการปรับโฉมยาริสท้าชน ซึ่งตามแผนโตโยต้าประเทศไทยจะมีการไมเนอร์เชนจ์ยาริสในปี 2552 นี้ และดูเหมือนเวลานั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อในตลาดต่างประเทศได้มีการขยับตัวให้เห็นกันบ้างแล้ว

    โดยเมื่อเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โตโยต้า มอเตอร์ส ได้นำยาริสรุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกมาเปิดตัวในงานโบโลญญ่า มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งก็ได้รับการจับตามองทันที ทั้งที่จะว่าไปแล้วโตโยต้าได้มีการเผยโฉมและทำตลาดรถรุ่นนี้ไปแล้วที่ญี่ปุ่น (ใช้ชื่อรุ่นVitz) ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพียงแต่ไม่ได้มีการเปิดตัวเป็นทางการชัดเจนเหมือนที่อิตาลี่ จึงทำให้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก

    โตโยต้า ยาริส ใหม่ (ชื่อที่ใช้ทำตลาดทั่วโลก) จึงนับเป็นการเพิ่มความขีดความสามารถในแข่งขัน หลังจากเปิดตัวทำตลาดทั่วโลกมาตั้งแต่ปลายปี 2005 เพื่อสู้กับคู่ปรับในตลาด B-Segment อย่างฮอนด้า ฟิต/แจ๊ซ, มาสด้า 2 และฟอร์ด เฟียสตา ที่มีความใหม่สดกว่า และในสองรุ่นหลังเตรียมจะเปิดตัวทำตลาดในไทยปลายปี 2009 และต้นปี 2010 ตามลำดับ

    เหตุนี้หากเป็นไปตามแผนที่โตโยต้าวางไว้ การปรับโฉมของยาริสที่อิตาลี่ และญี่ปุ่น จึงย่อมต้องเป็นเวอร์ชั่นที่จะเปิดตัวในไทยต้นปีหน้าด้วย นอกจากว่าโตโยต้าจะชะลอแผน เพื่อแก้ปัญหาสต็อกยาริสรุ่นปัจจุบัน ที่ยังค้างอยู่จำนวนหนึ่ง หลังจากยอดขายยาริสได้ชะลอตัวลงไปพอสมควร แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีกระแสข่าวเปลี่ยนแปลงแผนแต่อย่างใด

    สำหรับโตโยต้า ยาริส เป็นผลผลิตที่โตโยต้าพัฒนาขึ้นมา จากรถยนต์ต้นแบบในตระกูล Fun Series ที่เปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 1997 ก่อนที่จะกลายมาเป็นคันจริงในการทำตลาดอีก 2 ปีต่อมา โดยใช้ชื่อยาริสสำหรับตลาดยุโรป และมีการส่งเข้าไปขายในญี่ปุ่นด้วยชื่อวิตซ์ พร้อมกับส่งขายทั่วโลกรวมได้รับความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของยุโรปในปี 2000
    โดยยาริสเจนเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 2005 ด้วยตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 และ 5 ประตูเช่นเคย ขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตูมีขายเช่นเคย เพียงเปลี่ยนจากชื่อเอคโค่ในรุ่นแรกมาเป็นเบลต้าสำหรับตลาดญี่ปุ่น และในสหรัฐอเมริกาใช้ชื่อยาริส ซีดาน ส่วนเมืองไทยขายในชื่อวีออส

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นยาริสหรือวิตซ์ที่ขายอยู่ภูมิภาคไหนก็ตาม โครงสร้างตัวถังหลักและรายละเอียดทั้งภายนอกและภายในจะใช้ร่วมกันหมด จะต่างกันก็แค่รายละเอียดเล็กน้อย เช่น โลโก้บนกระจังหน้า ซึ่งเวอร์ชันญี่ปุ่นจะไม่ใช่โลโก้ 3 ห่วงของโตโยต้าแต่เป็นโลโก้ของรุ่นวิตซ์เลย และไม่มีหน้าตาแตกต่างอย่างชัดเจนเหมือนกับรุ่นพี่อย่างโคโรลล่า ซึ่งแบ่งออกเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และตลาดโลก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ค่อนข้างมากว่า เมื่อถึงคราวที่บ้านเราจะปรับโฉม ก็คงจะมีหน้าตาในลักษณะนี้

    เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนจะพบกับความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าทรงใหม่ ที่ออกแบบให้มีขอบเว้าตรงช่วงรอยต่อของกันชนกับกระจังหน้า และบนแก้มตัวถังไม่มีไฟเลี้ยวติดตั้งมาด้วย โดยที่รายละเอียดของช่องดักลมและขนาดของกระจังหน้าได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อเพิ่มความสปอร์ต

    ส่วนด้านท้ายใช้ไฟท้ายแบบกรอบเดิม แต่เปลี่ยนรายละเอียดของการจัดวางตำแหน่งไฟใหม่ โดยที่เวอร์ชันญี่ปุ่นจะมีรุ่นตกแต่งพิเศษ RS ลวดลายของไฟท้ายจะเปลี่ยนเป็นแบบดวงกลมซ้อนอยู่ข้างใน และมีรุ่นพิเศษ Welcab สำหรับคนพิการจำหน่ายด้วย

    สำหรับเครื่องยนต์ที่ขายในญี่ปุ่น ยังคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเดิมกับรหัส 1KR-FE แบบขับเคลื่อนล้อหน้า 3 สูบ 1,000 ซีซี VVT-I 71 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 9.6 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบ/นาที ตามด้วยรหัส 2NZ-FE แบบ 4 สูบ ทวินแคม VVT-I 1,298 ซีซี สำหรับแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2SZ-FE 1,296 ซีซี สำหรับแบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีกำลังเท่ากันที่ 87 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.2 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาทีสำหรับแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 11.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาทีสำหรับแบบขับเคลื่อนล้อหน้า

    ตามด้วยรหัส 1NZ-FE แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว VVT-I 1,500 ซีซี 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ซึ่งเป็นบล็อกที่ทำตลาดในไทย(109 แรงม้า) โดยระบบเกียร์มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ หรือ CVT แบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่ทำตลาด และในรุ่นเกียร์ CVT มีการเพิ่มแป้น Paddle Shift สำหรับเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้เองด้วย

    สเปกที่ขายในยุโรปมีการเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ใหม่ 1,300 ซีซี เป็น 4 สูบที่มีความจุในระดับ 1,330 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันแบบ 2 ฝั่งทั้งไอดีและไอเสียที่เรียกว่า Dual-VVT-I 101 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 13.45 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือแบบ MMT คลัตช์ไฟฟ้า นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบ Start&Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติเมื่อจอดนิ่งอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด เพื่อความประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ

    ในญี่ปุ่นขายแล้ว ยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะเริ่มทำตลาดต้นปีหน้า และเชื่อว่าเมืองไทยก็คงจะปรับโฉมในช่วงต้นปี 2552 เพื่อกระตุ้นยอดขายของยาริส ในการแข่งขันกับคู่ปรับสำคัญอย่างฮอนด้า แจ๊ซ และอีก 2 คู่แข่งหน้าใหม่ “มาสด้า2” และ “ฟอร์ด เฟียสต้า” ที่จะทยอยเปิดตัวตามออกมาในปลายปี 2552 และต้นปี 2553

    ข้อมูลจาก ผู้จัดการ Online