Logo Background RSS

โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ Smart Cab

  • Written by admin No Comments Comments
    Last Updated: November 24th, 2008

    ปิกอัพร้อนแรงแห่งปี “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” หลังจากทำตลาด มานานจนครบ 4 ปีเต็ม ได้ฤกษ์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ตามอายุผลิตภัณฑ์หรือที่เรียกกันว่า ไมเนอร์เชนจ์ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ (3 ก.ย.) ซึ่ง ตรงไหนใหม่หรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รวบรวมมาให้อ่านก่อนใคร

    เริ่มต้นด้วยการปรับจำนวนของรุ่นย่อยเพิ่มเป็น 32 รุ่น พร้อมกับการเพิ่มแบบตัวถังในแบบสมาร์ทแค็บหรือแค็บเปิดได้ เฉพาะรถในเกรด E และ G ส่วนในเกรด J ยัง คงเป็นแค็บแบบเดิม ด้านสีมีให้เลือก 7 สีเท่าเดิม (รวมทุกเกรด) แต่ยกเลิก สีน้ำเงินเข้ม (Dark Blue Mica Metallic) แทนที่ด้วย สีน้ำเงิน (Blue Metallic)

    สำหรับประตูตู้กับข้าวแบบ Smart Cabสามารถเปิดกว้างได้มากถึง 92 องศา เพิ่มความกว้างของทางเข้า-ออกห้องโดยสารอีก 51 เซนติเมตร เสริมด้วยเทคโนโลยีระบบล็อค 2 ชั้น เพิ่มอรรถประโยชน์ของการใช้งาน ปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการหนีบขณะปิด พร้อมสัญญาณเตือนเมื่อบานเปิดปิดไม่สนิท พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง

    อย่างไรก็ตามจุดใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนในครั้งนี้คือ กระจังพร้อมกันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ (ดังในรูป) เลนส์ไฟหน้าเป็นแบบใส ขณะที่ภายในจะเปลี่ยนจากสีเดิม ไอวอรี่ เป็นสี แซนด์ เบจ (Sand Beige) รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละเกรด ดังต่อไปนี้

    เกรด J และ J-P/S ในรุ่นมาตรฐานและเอ็กซ์ตร้าแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ (4×2) กันชนหน้าเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเดียวกับตัวรถ, เพิ่มนาฬิกาดิจิตอล, เครื่องเสียงจากแบบ 1 DIN 1CD MP3 กลายเป็นแบบ 2 DIN 1CD MP3/WMA และใช้ล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/70R15C จากเดิม 14 นิ้ว

    เกรด E และ G ซึ่งในรุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บเดิมจะหายไป พร้อมใช้ชื่อเรียกใหม่เป็น “สมาร์ทแค็บ” เนื่องจากจะมีแต่แบบแค็บเปิดได้เท่านั้น โดยมีการปรับเปลี่ยน กระจกมองข้างเป็นแบบปรับและพับไฟฟ้า จากเดิม ปรับไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว, กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติพร้อมระบบ Jam Protection ป้องกันการหนีบมือ และเปลี่ยนล้อลายใหม่โดยคงขนาดเดิมเอาไว้ในรุ่นพรีรันเนอร์ (ขับสองยกสูง) และขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ปรับเพิ่มขนาดจากเดิม15 นิ้ว กลายเป็น 16 นิ้ว พร้อมเปลี่ยนยางเป็นขนาด 215/65R16C

    พิเศษเฉพาะเกรด G รุ่นสมาร์ทแค็บมีการเพิ่มอุปกรณ์ มาตรวัดเรืองแสง Optitron และจอแสดงข้อมูลการขับขี่, แผงคอนโซลและอุปกรณ์ไฟฟ้า สีเมทัลลิค และเปลี่ยนเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าจากเดิมมีแต่ด้านคนขับ

    ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ เกรด E และ G มีการปรับกระจกมองข้างเป็นแบบปรับและพับไฟฟ้าเช่นกัน โดยแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เปลี่ยนลายล้อเพิ่มขนาดเป็น 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/65R16C ส่วนทั้งรุ่นพรีรันเนอร์กับขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มจากเดิม 16 นิ้ว เป็น 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/65R17

    เหนืออื่นใดเฉพาะเกรด G ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ มีการใส่อุปกรณ์ มาตรวัดเรืองแสง Optitron และจอแสดงข้อมูลการขับขี่, แผงคอนโซลและอุปกรณ์ไฟฟ้า สีเมทัลลิค และเปลี่ยนเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าเช่นเดียวกับรุ่นสมาร์ทแค็บ และยังเพิ่ม ชุดภายในหนังพร้อมเบาะปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง (เฉพาะด้านคนขับ) , ครุยซ์คอนโทรล และระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSC/TRC รวมถึง EBD และ BA อีกด้วย

    ด้านขุมพลังยังคงขนาดและสเปคเดิม กับเครื่องยนต์ 1 KD-FTV (I/C) 3.0 ลิตร ไดเร็คอินเจคชั่น 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที และ 2KD-FTV 2.5 ลิตร ไดเร็คอินเจคชั่น 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 102แรงม้า (75 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400รอบ /นาที ทั้งนี้โตโยต้ายังยืนยันว่าทั้งสองเครื่องยนต์ใช้น้ำมัน ดีเซล บี5 (ผสมไบโอดีเซล 5%) ได้แน่นอน
    ขณะที่ราคาในรุ่นสแตนดาร์ดแค็บ 2.5J เริ่มต้นที่ 4.52 แสนบาท ส่วนเอ็กตร้าแค็บ 2.5J เริ่มต้น 4.97 แสนบาทสมาร์ทแค็บ 2.5E เริ่มต้น 6.05 แสนบาท ด้านตัวถังดับเบิ้ลแค็บ 2.5J เริ่ม 5.87 แสนบาท และตัวท็อป 3.0G เกียร์อัตโนมัติ 4WD สีเมทัลลิก ราคา 9.43 แสนบาท

    สำหรับประชาชนทั่วไปเตรียมพบกับการเปิดตัวของ “ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่” พร้อมกิจกรรมมากมายและข้อเสนอสุดพิเศษของผู้แทนจำหน่ายระหว่าง 12-14 กันยายนนี้ ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา หรือที่โชว์รูม 300 แห่งทั่วประเทศ

    ข้อมูลจาก ผู้จัดการ Online