Logo Background RSS

Ferrari Scuderia Spider 16M ม้าป่าฝีเท้าจัดตัวใหม่

  • Written by admin No Comments Comments
    Last Updated: November 23rd, 2008

    พร้อมๆ กับการเฉลิมฉลองตำแหน่งแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิตของฟอร์มูลา วันในปี 2008 ทางเฟอร์รารี่เอาใจแฟนๆ ของตัวเองครั้งใหม่กับการผลิตเวอร์ชันพิเศษของ F430 มาพร้อมน้ำหนักตัวที่เบา และมีสมรรถนะจัดจ้านขึ้น โดยจะมีการผลิตออกมาขายเพียง 499 คันภายใต้ชื่อ สคูเดอเรีย สไปเดอร์ 16เอ็ม

    สปอร์ตเปิดประทุนใหม่รุ่นนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานเวิลด์ไฟนอลที่เมืองมูเกลโล่ ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองความสำเร็จของทีมฟอร์มูลา วันของเฟอร์รารี่ที่คว้าตำแหน่งแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิต หรือ Formula 1 Constructor’s World Championship 2008 และนั่นเป็นที่มาของชื่อรุ่นเพราะว่าแชมป์โลกครั้งนี้เป็นแชมป์ครั้งที่ 16 ของเฟอร์รารี่นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลา วันยุคใหม่ที่เริ่มในปี 1950

    ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ F430 สไปเดอร์ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความแรงอันล้ำสมัยกลายเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนที่สามารถทำเวลาต่อรอบในการแล่นบนสนามทดสอบฟิออราโนของค่ายม้าลำพองดีที่สุดเท่าที่รถสปอร์ตเปิดประทุนในสายการผลิตของเฟอร์รารี่เคยทำมาเลยทีเดียว

    นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นกับชุดสเกิร์ตรอบคันแบบใหม่รวมถึงล้อแม็กลาย 5 ก้านขนาด 19 นิ้วแล้ว สิ่งที่ทำให้สคูเดอเรีย สไปเดอร์ 16เอ็มแตกต่างจาก F430 สไปเดอร์ คือ น้ำหนักตัวที่ลดลง 80 กิโลกรัม เพราะการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังและโรลบาร์ที่อยู่ด้านหลังของตัวเบาะ โดยมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1,340 กิโลกรัม

    สำหรับมิติตัวถังยังอยู่ในระดับใกล้เคียงของเดิม ด้วยความยาว 4,512 มิลลิเมตร กว้าง 1,923 มิลลิเมตร สูง 1,216 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลัง 43 : 57% ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับความพิเศษตรงป้ายเหล็กที่ติดตั้งอยู่เหนือช่องแอร์ของแผงหน้าปัด ซึ่งจะบอกคันที่ผลิตจากจำนวน 499 คันของรถสปอร์ตรุ่นนี้ และที่แผงคอนโซลกลางมีการแปะเครื่องเล่น iPOD Touch แบบ 16 GB ที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเฟอร์รารี่รุ่นนี้ ซึ่งตัว iPod สามารถถอดออกได้

    เครื่องยนต์วี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4,300 ซีซีได้รับการพัฒนาให้มีกำลังสูงสุดขยับขึ้นมาเป็น 510 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 47.7 กก.-ม. ที่ 5,250 รอบต่อนาที ซึ่งม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักน้อยมากเพียง 2.6 กิโลกรัมเท่านั้น แต่เครื่องยนต์บล็อกนี้มีแรงม้าต่อความจุ 1 ลิตรอยู่ที่ 118.4 แรงม้าต่อลิตร

    เมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ F1 Shift พร้อมระบบคลัตช์แห้งแบบ Dual Dry Clutch และเฟืองท้ายอีเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Differential ทำให้ตัวรถมีความเร้าใจทั้งตีนต้นและตีนปลายด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ในส่วนของระบบช่วงล่างยังเหมือนเดิมเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้นทั้งด้านหน้าและหลัง แต่ปีกนกได้รับการผลิตจากอะลูมิเนียมด้วยกรรมวิธี Forged และใช้สปริงแบบไททาเนียม ส่วนระบบเบรกเป็นแบบดิสก์คาร์บอน-เซรามิกด้านหน้ามีขนาด 398X36 มิลลิเมตร และด้านหลังมีขนาด 350X34 มิลลิเมตร จับคู่กับคาลิเปอร์แบบ 6 ลูกสูบ

    ราคายังไม่เปิดเผยออกมา แต่เชื่อว่าน่าจะอยู่ในระดับ 277,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9.7 ล้านบาท งานนี้ใครดีใครได้ เพราะผลิตจำกัดเพียง 499 คันเท่านั้น ใครมีเงินก็รีบจองเอาไว้ก่อน ขืนช้าเดี๋ยวจะหมดไปซ่ะก่อน

    ข้อมูลจาก ผู้จัดการ Online